วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 15 ธันวาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

เริ่มต้นเช้าวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2025 ด้วยความร้อนแรงของตลาดโลหะมีค่า เมื่อราคาทองคำ XAUUSD สามารถดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 4,315 ดอลลาร์ ได้ในช่วงเปิดตลาดเอเชีย ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาในรอบนี้หนีไม่พ้นผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ส่งผลให้กรอบเป้าหมายลงมาอยู่ที่ระดับ 3.50% ถึง 3.75%

การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดต้นทุนเสียโอกาสในการถือครองทองคำ และทำให้สินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยอย่างทองคำกลับมามีความน่าสนใจเหนือกว่าพันธบัตรรัฐบาล

นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นแรงหนุนชั้นดีที่คอยหนุนราคา โดยเฉพาะเหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดในซิดนีย์ที่ส่งผลให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในระดับนานาชาติ ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและนำเงินไหลกลับเข้ามาพักในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าเจ้าหน้าที่ Fed บางคนอย่าง Austan Goolsbee และ Beth Hammack จะออกมาส่งสัญญาณในเชิงระมัดระวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยในครั้งถัดไป แต่กระแสหลักของตลาดยังคงเชื่อมั่นในทิศทางขาขึ้นของราคาทองคำ

ปรากฏการณ์ 60% ในหนึ่งปี และเป้าหมายใหม่ที่ 5,000 ดอลลาร์ในปี 2026

หากเรามองย้อนกลับไปตลอดทั้งปี 2025 ต้องยอมรับว่านี่คือปีทองของนักลงทุนทองคำอย่างแท้จริง แม้จะยังไม่สิ้นปี แต่ราคาทองคำก็ทำผลงานได้อย่างประทับใจด้วยการปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 60% ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 หรือในรอบกว่า 46 ปี

Rajat Bhattacharya นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสจาก Standard Chartered ได้ชี้ให้เห็นประเด็นที่น่าสนใจว่า ทองคำสามารถทำผลตอบแทนชนะทั้งตลาดหุ้นและพันธบัตรได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน และชนะพันธบัตรมาต่อเนื่องถึง 10 ปีแล้ว

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าทองคำไม่ได้เป็นเพียงแค่สินทรัพย์ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็นสินทรัพย์หลักที่จำเป็นต้องมีในพอร์ตการลงทุน โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มมองข้ามช็อตไปถึงปี 2026 กันแล้ว

Chantelle Schieven จาก Capitalight Research ถึงกับมองว่าการที่ราคาทองคำจะไปแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้าไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป เพราะโครงสร้างราคาได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

ระดับราคา 3,000 ดอลลาร์ได้กลายมาเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง เปรียบเสมือนฐานใหม่ที่เคยเป็น 2,000 ดอลลาร์ในอดีต การปรับฐานทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จึงถูกมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าสะสมมากกว่าจะเป็นสัญญาณของการจบรอบขาขึ้น

ความแตกต่างระหว่างทองคำกับแร่เงิน และความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระวัง

ประเด็นที่น่าจับตามองมากในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ พฤติกรรมราคาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างทองคำและแร่เงิน

ในขณะที่ราคาทองคำสามารถไต่ระดับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่และรักษาระดับเหนือ 4,300 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง แร่เงินกลับเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักจนราคาดิ่งลง

Daniel Pavilonis จาก RJO Futures วิเคราะห์ว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่แร่เงินวิ่งขึ้นมาแรงเกินไปจนเกิดภาวะ Overbought ทำให้นักลงทุนระยะสั้นเทขายทำกำไรและถูกบังคับปิดสถานะ (Margin Call)

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าทองคำยังคงสถานะเป็นผู้นำในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัยตัวจริงที่แข็งแกร่งกว่า ในขณะที่แร่เงินมีความผันผวนสูงและเก็งกำไรมากกว่า

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ควรประมาท โดยคำเตือนจาก Alex Kuptsikevich นักวิเคราะห์จาก FxPro ที่มองว่าการปรับตัวขึ้นของทองคำและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ไปในทิศทางเดียวกันเริ่มมีลักษณะคล้ายฟองสบู่

การที่ราคาวิ่งขึ้นมาแรงและเร็วกว่าปัจจัยพื้นฐานอาจนำไปสู่การพักตัวที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปีที่ปริมาณการซื้อขายเบาบาง การแกว่งตัวของราคาเพียงเล็กน้อยอาจขยายวงกว้างจนทำให้พอร์ตการลงทุนเสียหายได้หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี

จับตาข้อมูลแรงงานและเงินเฟ้อสหรัฐฯ พร้อมคำเตือนเรื่องสภาพคล่องช่วงท้ายปี

สำหรับกลยุทธ์ในสัปดาห์นี้และช่วงที่เหลือของปี สิ่งที่นักลงทุนต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิดคือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่ถูกเลื่อนมาจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะทยอยประกาศออกมา

ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่า Fed จะยังคงเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อในปี 2026 ได้อย่างที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ หากตัวเลขเงินเฟ้อดีดตัวสูงกว่า 3% หรือตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่งเกินคาด อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและกดดันราคาทองคำได้ในระยะสั้น 

นอกจากนี้ Aaron Hill จาก FP Markets ได้ฝากคำเตือนสำคัญสำหรับนักเทรดในช่วงวันหยุดยาวว่า สภาพคล่องที่ลดลงอาจทำให้กราฟราคากระชากอย่างรุนแรงแบบไร้เหตุผล หรือที่เรียกว่า Jerky movement โดยให้จับตาแนวรับสำคัญที่ระดับ 4,255 ดอลลาร์

หากราคายังยืนเหนือระดับนี้ได้ โมเมนตัมขาขึ้นยังคงได้เปรียบ แต่หากหลุดลงมา อาจเห็นการไหลลงไปทดสอบ 4,200 ดอลลาร์ได้อย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ล่าสุดของราคาทองคำในราย 4 ชั่วโมง ณ ปัจจุบันที่ระดับ 4,320 ดอลลาร์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากระทิงยังมีพละกำลังเหลือล้นเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

โดยราคาไม่ได้เพียงแค่ยืนเหนือเป้าหมายเดิมที่ 4,276 ดอลลาร์ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทะยานผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ 4,300 ดอลลาร์ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

กราฟยังคงยกตัวทำ High ใหม่ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคากำลังขึ้นไปทดสอบด่านหินสำคัญทาง Fibonacci ระดับ 88.70% ที่บริเวณ 4,327 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นแนวต้านสำคัญด่านสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม (All-Time High)

หากสังเกตโครงสร้างราคาจะเห็นว่ากราฟกำลังวิ่งเกาะขอบบนของกรอบแนวโน้มขาขึ้น (Regression Trend Channel) สีฟ้าอย่างเหนียวแน่น ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะ Super Bullish ที่ชัดเจน

แต่ในขณะเดียวกัน การที่ราคาดีดตัวห่างจากเส้นค่าเฉลี่ย EMA มากเกินไป ย่อมทำให้เกิดแรงดึงดูดกลับหาค่าเฉลี่ย (Mean Reversion) หรือความเสี่ยงที่จะเกิดการย่อตัวเพื่อปรับฐานในระยะสั้นได้ทุกเมื่อ

เมื่อเจาะลึกไปที่สัญญาณจากอินดิเคเตอร์เพื่อประเมินทิศทางใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า เราเริ่มเห็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

แม้ว่า RSI จะยังประคองตัวอยู่ในโซน Overbought เหนือระดับ 70 จุด ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อ แต่เมื่อพิจารณาควบคู่กับ Stochastic RSI ในภาพประกอบ จะเห็นการตัดกันของเส้นสัญญาณในลักษณะ Dead Cross บริเวณโซน Overbought (เหนือระดับ 80) อย่างชัดเจน

พฤติกรรมเช่นนี้มักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นเริ่มเกิดอาการล้า และแรงซื้ออาจเริ่มแผ่วลงในระยะสั้น ซึ่งสอดคล้องกับการที่ราคาเริ่มชนเพดานแนวต้าน 4,327 ดอลลาร์

ดังนั้น สำหรับ 24 ชั่วโมงต่อจากนี้ มีแนวโน้มที่ราคาอาจจะยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 4,327 - 4,330 ดอลลาร์ไปได้ในทันที และน่าจะเข้าสู่โหมดการพักตัว (Correction) หรือแกว่งตัวออกข้าง (Sideway) เพื่อลดความร้อนแรงของอินดิเคเตอร์ก่อน

โดยมีแนวรับแรกซึ่งเปลี่ยนจากแนวต้านเดิมคือบริเวณ 4,276 - 4,280 ดอลลาร์ (Fibonacci 78.60%) ซึ่งจะเป็นจุดวัดใจสำคัญ หากราคาย่อลงมาทดสอบบริเวณนี้แล้วสามารถยืนอยู่ได้ จะถือเป็นการทำ Throwback ที่สมบูรณ์เพื่อสะสมแรงส่งสำหรับการทะลุ 4,327 ดอลลาร์ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 4,354 ดอลลาร์ต่อไป

กลยุทธ์ในช่วงเวลานี้จึงไม่แนะนำให้ไล่ราคาที่บริเวณ 4,320 ดอลลาร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะติดดอยระยะสั้น แต่ควรรอจังหวะย่อตัวลงมาใกล้โซน 4,280 - 4,290 ดอลลาร์ แล้วค่อยหาจังหวะเข้าซื้อจะมีความได้เปรียบมากกว่า

โดยสรุปคือ เทรนด์ยังแกร่ง แต่อย่าเพิ่งรีบตาม ให้รอรับเมื่อย่อ คือหัวใจสำคัญของการเทรดในชุดนี้

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,300

• $4,276

• $4,256

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,327

• $4,354

• $4,384