TradingKey - หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อปลายเดือนเม.ย. ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในกลุ่ม D-SIBs เริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR, MLR และ MOR ลงอยู่ในกรอบระหว่าง 0.05% ถึง 0.15% พร้อมกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำบางตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน
จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ที่เกิดขึ้นในสามรอบล่าสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา จนถึงเดือนเมษายน มีผลสะท้อนมายังส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM: Net Interest Margin) ในระบบธนาคารพาณิชย์ เพราะต้นทุนการระดมเงินฝากลดลงอย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงกดดันจากผลตอบแทนในการปล่อยสินเชื่อลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอในการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ NIM ที่ชะลอลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2567 ยังแสดงให้เห็นว่าต้นทุนเงินฝากขยับลงอย่างช้า ๆ ตรงกันข้ามกับผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเฝ้าระวัง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า NIM ของระบบแบงก์ไทย จะมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องในไตรมาสที่สองมาอยู่ที่ระดับประมาณ 2.83% ในขณะที่มีโอกาสที่จะลดต่ำไปจนถึงประมาณ 2.75% ตามสมมติฐานที่ว่า อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อสนับสนุนแนวโน้มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
แม้ธนาคารพาณิชย์จะเร่งปรับต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ แต่ด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อ ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้ด้อยคุณภาพยังคงมีอยู่
สำหรับลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบ้าน จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุด โดยศูนย์วิจัยฯ คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญจำนวนประมาณ 56.6% ของสินเชื่อรวมทั้งระบบธนาคาร
สุดท้าย ผู้ประกอบธุรกิจและลูกหนี้รายย่อยจะเห็นช่องทางในการช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยสอดคล้องด้วยภาระรวมระหว่าง4,400 ถึง4,900 ล้านบาท ภายใต้สมมุติสถานการณ์ต้นทุนที่ถูกกว่า ณ เวลาราวระหว่างช่วงเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคมปีนี้
(ข้อมูลนี้ได้รับความอนุเคราะห์จาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์ วันที่16 พฤษภาคม)