TradingKey – ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุ $105,000 อีกครั้ง เมื่อเหล่านักลงทุนเริ่มเทความเชื่อมั่นในทิศทางขาขึ้นของ BTC ภายในปีนี้
ในวันพุธที่ 4 มิถุนายน Bitcoin (BTC) ยังคงรุกขึ้นแรง กวาดกลับเหนือแนว $105,000 อีกครั้ง จากข้อมูลตลาดพบว่า BTC ทำจุดสูงสุดประจำวันที่ $106,794 นับเป็นระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์
กราฟราคาบิตคอยน์ (รายนาที) – ที่มา: TradingView
การขึ้นเทรนด์ครั้งนี้ของ BTC ได้รับแรงหนุนจากข่าวสำคัญสองประการในสหรัฐฯ:
1. รายงานตำแหน่งงานว่าง JOLTS เดือนเมษายนแข็งแกร่งเกินคาด ช่วยหนุนทั้ง Bitcoin และตลาดหุ้น โดยดัชนีหุ้นหลักสหรัฐฯ ทั้งสามปรับขึ้นมากกว่า 0.5% สะท้อนการกลับมาของความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ
2. Truth Social (แพลตฟอร์มของโดนัลด์ ทรัมป์) ยื่นขอจัดตั้ง Bitcoin Spot ETF ส่งเสริมให้กระแสขาขึ้นของ BTC เข้มข้นยิ่งขึ้น
แม้ว่า Bitcoin อาจผันผวนในระยะสั้น แต่ข้อมูล Nonfarm Payroll (NFP) ประจำเดือนพฤษภาคมที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ มีแนวโน้มกำหนดแนวโน้มขาขึ้นต่อไป นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การจ้างงานใหม่จะเพิ่มเพียง 125,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันให้ Fed พิจารณาลดดอกเบี้ยภายในปีนี้ และนั่นหมายถึงโอกาสที่ Bitcoin จะได้รับแรงหนุนเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม BTC พุ่งทะลุ $110,000 สูงถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $111,980 แต่ต้องเผชิญแรงต้านที่แข็งแกร่ง
ต่อมา BTC ปรับฐานลงมายังแนว $100,000 โดยทำจุดต่ำสุดที่ $103,068 ในวันที่ 31 พฤษภาคม สร้างฐานแนวรับใหม่
กราฟราคาบิตคอยน์ (รายวัน) – ที่มา: TradingView
แม้ BTC อาจสวิงในกรอบ $100K - $110K ชั่วคราว แต่ภาพรวมระยะยาวยังคงสดใส นักลงทุนยังมองโอกาสทำกำไรและเข้าเก็งกำไรในจังหวะที่ราคาอ่อนตัว
ข้อมูลการทำนายจาก Polymarket ชี้ว่า:
● ความน่าจะเป็น 74% ที่ BTC จะทะยานแตะ $120,000 ภายในปีนี้
● ความน่าจะเป็น 61% ที่ BTC จะพุ่งไป $130,000
● ความน่าจะเป็น 38% ที่ BTC จะไต่ขึ้นถึง $150,000
นอกเหนือจากการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed แล้ว ปัจจัยสำคัญที่หลายคนมองข้ามคือภาระหนี้สาธารณะอันพุ่งสูงของสหรัฐฯ ซึ่งอาจผลักดันความต้องการระยะยาวของ Bitcoin ให้กว้างไกลกว่าแค่สปอต ETF และสำรองเชิงกลยุทธ์เท่านั้น
Brian Armstrong ซีอีโอของ Coinbase เตือนว่า “หากสภาคองเกรสสหรัฐฯ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ 37 ล้านล้านดอลลาร์ได้ Bitcoin อาจกลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลกแทนดอลลาร์”