WTI ปรับตัวลดลงไปวิ่งใกล้ $81.50 เพราะน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจและคำพูด hawkish จากเฟด
- ในวันพฤหัสบดี WTI ปรับตัวลดลงไปวิ่งใกล้ $81.50
- ประเด็นที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้สูงขึ้นนานขึ้นช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
- ในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 22 มีนาคม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.165 ล้านบาร์เรลจากที่ลดลง 1.952 ล้านบาร์เรล
ในวันพุธ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) เกณฑ์มาตรฐานน้ํามันดิบของสหรัฐฯ ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 81.50 ดอลลาร์ ราคา WTI ปรับตัวลดลงท่ามกลางการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐ (USD) และปริมาณน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ
ความเห็นที่ไปในเชิงหนุนนโยบายการเงินเข้มงวดจากผู้กําหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีทําให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทั่วกระดาน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนนโยบายการเงินเข้มงวดมากที่สุดคนหนึ่งกล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่รีบร้อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง และอาจจําเป็นต้องคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันไว้นานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคา WTI เนื่องจากทําให้น้ำมันดิบที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสําหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ทําให้ความต้องการน้ำมันลดลง
นอกจากนี้ ตามรายงานของสํานักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ในสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 22 มีนาคม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.165 ล้านบาร์เรล จากที่ลดลง 1.952 ล้านบาร์เรล ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจก็มีส่วนสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ WTI
อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางและระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจเพิ่มความกลัวว่าอุปทานทั่วโลกจะตึงตัวขึ้น และจํากัดขาลงของราคา WTI ยูเครนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของรัสเซียตั้งแต่เริ่มสงคราม แต่การโจมตีทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการโจมตีด้วยโดรนเจ็ดครั้งในเดือนนี้เพียงเดือนเดียว และผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าการหยุดชะงักด้านพลังงานนี้ได้ส่งผลกระทบเกือบ 12% ต่อกําลังการผลิตน้ำมันทั้งหมดของรัสเซีย
องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) ตัดสินใจขยายระยะเวลาการลดกําลังการผลิตประมาณ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน OPEC+ คาดว่าจะยืนยันนโยบายลดการผลิตจนกว่าจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน
นักลงทุนน้ำมันจะจับตาดูข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ (YoY) สําหรับไตรมาสที่สี่ (Q4) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.2% ในวันศุกร์ ข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ สําหรับเดือนกุมภาพันธ์ และถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวลล์ของเฟดจะอยู่ในความสนใจของนักลงทุนด้วยเช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
