NZDUSD ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ประมาณ 0.5950 เพราะนักลงทุนยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น
- NZDUSD ยังคงทรงตัวเพราะนักลงทุนยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ทำให้สกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยงแข็งค่าขึ้น
- การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอาจถูกจํากัดเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลง
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ANZ-Roy Morgan ของนิวซีแลนด์ลดลงสู่ระดับ 82.1 ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008
ในตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ คู่ NZDUSD ปรับตัวสูงขึ้น คู่สกุลเงินนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 0.5960 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องอ่อนไหวต่อความเสี่ยง ได้รับแรงผลักดันจากการที่นักลงทุนยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ซึ่งสนับสนุนคู่ NZDUSD อย่างไรก็ตาม ขาขึ้นของทั้งคู่ในระหว่างวันลดลงมาบ้างเนื่องจากการดีดตัวขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ขยับขึ้นไปใกล้ระดับ 105.70 แม้ว่าการแข็งค่าขึ้นนี้อาจถูกจํากัดจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งมีส่วนทําให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
เมื่อวันพฤหัสบดี ข้อมูลเบื้องต้นจากสหรัฐอเมริกา (US) ที่ออกมาไม่สอดคล้องกันสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศรายปี (Q1) ของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง 1.6% เมื่อเทียบกับการอ่านก่อนหน้านี้ที่ 3.4% ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% การชะลอตัวนี้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคหรือภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม ราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ไสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (QoQ) สําหรับไตรมาสที่ 1 เพิ่มขึ้นในอัตรา 3.7% ต่อปี สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.4% และตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 2.0% บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ด้าน NZD ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของธนาคาร ANZ-Roy Morgan ในวันศุกร์ลดลงสู่ระดับ 82.1 ในเดือนเมษายน จากการประกาศก่อนหน้านี้ที่ 86.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2008 แม้จะมีการลดลงนี้ แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของนิวซีแลนด์ยังคงค่อนข้างสูง นอกจากนี้ สำนักงานสถิตินิวซีแลนด์รายงานการเกินดุลการค้าในเดือนมีนาคม โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ในขณะที่การนําเข้าลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน การนําเข้าที่ลดลงสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ซบเซา เพราะทั้งครัวเรือนและธุรกิจต้องต่อสู้กับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง
ในอนาคต ความสนใจของตลาดมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ สําหรับเดือนมีนาคม ซึ่งประกาศในวันศุกร์ คาดว่าข้อมูลนี้จะได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน เนื่องจากพวกเขาจะประเมินผลกระทบต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ
บทความที่เกี่ยวข้อง
