บรรยากาศหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทำให้ตลาดการเงินตึงเครียด หลังจากอิสราเอลโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่พื้นที่อิหร่าน
บรรยากาศการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงกําลังดําเนินไปอย่างเต็มที่ในตลาดการเงินหลังจาก ABC News ยืนยันรายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าขีปนาวุธของอิสราเอลโจมตีพื้นที่ในอิหร่าน ซึ่งนําไปสู่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีก
สํานักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงสํานักข่าว Fars ของอิหร่านว่า ชาวบ้านได้ยินเสียงระเบิดในใจกลางสนามบินอิสฟาฮาน แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุของการระเบิดก็ตาม
"ยังไม่ทราบสาเหตุของเสียงเหล่านี้ และการสืบสวนจะดําเนินต่อไปจนกว่าจะมีการระบุรายละเอียดที่แน่นอนของเหตุการณ์ดังกล่าว"
สํานักข่าว Fars กึ่งทางการรายงาน
ก่อนหน้านี้มีรายงานเข้ามาโดยอ้างว่ากองพันเรดาร์โจมตีในซีเรียใกล้กับเมืองอิซรา อีกส่วนหนึ่งคือมี 'การระเบิด' ใกล้กับเมืองอิสฟาฮานทางตอนกลางของอิหร่าน และสุดท้ายคือการคาดเดาเกี่ยวกับกิจกรรมการบินของเครื่องบินรบในหลายพื้นที่ของอิรักก็มีรายงานออกมาเช่นกัน
เมื่อวันพฤหัสบดี Hossein Amir-Abdollahian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เตือนในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ CNN ว่า "ในกรณีที่รัฐอิสราเอลเริ่มดําเนินการต่อสู้อีกครั้ง และดําเนินการใด ๆ กับผลประโยชน์ของอิหร่าน การตอบสนองครั้งต่อไปจากเราจะเกิดขึ้นทันทีและอยู่ในระดับสูงสุด"
ก่อนหน้านี้ Bloomberg รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีโดยอ้างแหล่งข่าวว่า "เจ้าหน้าที่อิสราเอลแจ้งสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ในวันนี้ว่าพวกเขาวางแผนที่จะตอบโต้ในอีก 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Sky News Arabia อ้างอิงโฆษกจากองค์การอวกาศอิหร่าน ได้ทำการตอบโต้กับอิสราเอลว่า "ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามที่ล้มเหลวและน่าอับอายสําหรับกองทัพอากาศของอิสราเอล"
ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการปะทะกันที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกทั่วพรมแดนทางตอนเหนือของอิสราเอล
ปฏิกิริยาของตลาด
มาตรวัดการกล้าลงทุนเสี่ยงอย่างตลาดฟิวเจอส์ของ S&P 500 ร่วงลง 1.25%
ในขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยที่ดีที่สุด – ทองคํา ราคาได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,432 ดอลลาร์
ด้านดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับสูงสุดในระหว่างวันใกล้ 106.30
WTI ซึ่งเป็นราคาน้ำมันของตลาดสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 3% สู่ระดับ 85 ดอลลาร์ จากความกังวลต่อภาวะสงครามในตะวันออกกลาง
ราคาดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่แสดงในวันนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์นิวซีแลนด์
| ดอลลาร์ | ยูโร | ปอนด์ | CAD | AUD | JPY | NZD | CHF | |
| ดอลลาร์ | 0.12% | 0.18% | 0.12% | 0.37% | -0.13% | 0.43% | -0.39% | |
| ยูโร | -0.12% | 0.07% | 0.00% | 0.26% | -0.24% | 0.32% | -0.48% | |
| ปอนด์ | -0.18% | -0.06% | -0.06% | 0.19% | -0.30% | 0.25% | -0.55% | |
| CAD | -0.12% | 0.00% | 0.05% | 0.25% | -0.24% | 0.31% | -0.49% | |
| AUD | -0.37% | -0.25% | -0.19% | -0.25% | -0.49% | 0.06% | -0.76% | |
| JPY | 0.12% | 0.26% | 0.29% | 0.24% | 0.50% | 0.55% | -0.25% | |
| NZD | -0.39% | -0.27% | -0.21% | -0.27% | -0.02% | -0.52% | -0.75% | |
| CHF | 0.36% | 0.48% | 0.54% | 0.48% | 0.73% | 0.26% | 0.79% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักซึ่งกันและกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้ายในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกยูโรจากคอลัมน์ด้านซ้ายและเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยังเงินเยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงเป็น EUR (ฐาน)/JPY (เสนอราคา)
คําถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในการลงทุนเสี่ยง
คําว่า 'risk-on' และ 'risk-off' หมายถึงอะไรเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน?
ในโลกของศัพท์แสงทางการเงินคําที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสองคํา คำว่า "risk-on" และ "risk off" หมายถึงระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนเต็มใจที่จะยอมรับในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ที่อ้างอิง ในตลาด "ที่กล้าเสี่ยง (risk-on)" นักลงทุนจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตและเต็มใจที่จะซื้อสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ มากขึ้น ส่วนในตลาดที่ "หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk-on)" นักลงทุนจะเริ่ม 'เทรดอย่างเน้นความปลอดภัย' เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นจึงซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งมีความแน่นอนมากขึ้นในการได้ผลตอบแทนแม้ว่ากำไรที่จะได้จะไม่มากก็ตาม
สินทรัพย์หลัก ๆ ที่ต้องติดตามเพื่อทําความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นในความเสี่ยงคืออะไร?
โดยปกติในช่วงที่ "มีความกล้าเสี่ยง (risk-on)" ตลาดหุ้นจะราคาเพิ่มขึ้น สินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ยกเว้นทองคําก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในเชิงบวก สกุลเงินของประเทศที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสกุลเงินคริปโตก็เพิ่มขึ้นในตลาดเช่นกัน โดยในฝั่งของ "การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk-off)" ผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลใหญ่ ๆ ทองคําจะราคาสูงขึ้น และสกุลเงินที่นับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยต่าง ๆ อย่างเช่น เงินเยนญี่ปุ่น ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ล้วนได้รับอานิสงส์
สกุลเงินใดแข็งค่าขึ้นเมื่อความเชื่อมั่นเป็นภาวะ 'กล้าเสี่ยง (risk-on)'?
ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) และสกุลเงิน FX กลุ่มที่รองลงมา อย่างเช่น รูเบิล (RUB) และแรนด์ของแอฟริกาใต้ (ZAR) ก็ล้วนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดที่ "มีความกล้าเสี่ยง" นี่เป็นเพราะเศรษฐกิจของสกุลเงินเหล่านี้พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อย่างมากเพื่อการเติบโต และสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มที่จะราคาสูงขึ้นในช่วงที่มีความกล้าเสี่ยง เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ความต้องการวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มากขึ้นในอนาคตเกิดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
สกุลเงินใดแข็งค่าขึ้นเมื่อความเชื่อมั่นเป็นความพยายาม 'หลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk-off)'?
สกุลเงินหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงที่ "หลีกเลี่ยงความเสี่ยง" ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เยนญี่ปุ่น (JPY) และฟรังก์สวิส (CHF) เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสํารองหลัก ๆ ของโลกและเนื่องจากในช่วงวิกฤตนักลงทุนจะซื้อพันธบัตรหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองว่าปลอดภัยเพราะเป็นประเทศฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกจึงไม่น่าจะผิดนัดชําระหนี้ ในส่วนของเงินเยน ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนในประเทศถือหุ้นในสัดส่วนที่สูงซึ่งไม่น่าจะทิ้งพันธบัตรเหล่านี้แม้ในภาวะวิกฤต ส่วนฟรังก์สวิส เนื่องจากกฎหมายการธนาคารของสวิสที่เข้มงวดจะช่วยให้นักลงทุนได้รับการคุ้มครองเงินทุนที่มากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
