WTI บันทึกการวิ่งขาขึ้นเล็กน้อยมาที่บริเวณ $79.00 จากการดึงน้ำมันดิบคงคลังออกมาใช้งาน
- ราคา WTI ขยับสูงขึ้นมาที่ $78.95 ในวันพฤหัสบดี
- สต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ตามรายงานของ EIA
- ความหวังในการหยุดยิงในฉนวนกาซาได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคา WTI ในเซสชั่นการซื้อขายล่าสุด
Western Texas Intermediate (WTI) ซึ่งเป็นระดับมาตรวัดราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 78.95 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี สินทรัพย์ที่เป็นเหมือนทองคําเหลว ๆ สีดํานี้ฟื้นตัวจากการขาดทุน หลังจากการดึงสต็อกน้ำมันดิบออกมาใช้งานอย่างผิดคาดในสหรัฐอเมริกา
สํานักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) รายงานเมื่อวันพุธว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสําหรับสัปดาห์ที่ในสิ้นสุดวันที่ 3 พ.ค. ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 459.5 ล้านบาร์เรล จากที่ +7.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน ฉันทามติการคาดการณ์ของตลาดประเมินว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล โดยการลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังนี้อาจทําให้ราคา WTI ปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว จะเป็นสัญญาณว่าอุปสงค์น้ำมันกำลังเพิ่มขึ้น
สหรัฐฯ คาดหวังว่าการหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงในฉนวนกาซาจะสามารถปิดช่องว่างความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้ โดยวิลเลียม เบิร์นส์ (William Burns) ผู้อํานวยการสํานักข่าวกรองส่วนกลางของสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนอิสราเอลเมื่อวันพุธ และพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลตามสื่อรอยเตอร์ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ผ่อนคลายลงในตะวันออกกลางอาจส่งผลกระทบต่อราคา WTI
นอกจากนี้ ถ้อยแถลงที่มีความแข็งกร้าว (hawkish) จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นเวลานาน จะช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ในวงกว้างและอาจจํากัดการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ฝั่ง Susan Collins ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวเมื่อวันพุธว่า จะใช้เวลานาน "มากกว่าที่เคยคิดไว้" ในการทําให้อัตราเงินเฟ้อลดลง
องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตรที่รวมถึงรัสเซีย หรือที่เรียกว่า OPEC+ จะมีการประชุมกันในวันที่ 1 มิถุนายนเพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการผลิต อย่างไรก็ตามอเล็กซานเดอร์ โนวัค (Alexander Novak) รองนายกรัฐมนตรีของรัสเซียกล่าวเมื่อวันอังคารว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยระหว่าง OPEC+ เกี่ยวกับการเพิ่มอุปทานน้ำมัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
