WTI ยังอยู่ในขาลงที่ใต้ 82.50 ดอลลาร์ ท่ามกลางเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ฮามาสและคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยของเฟด
- ราคา WTI วิ่งในแดนลบเป็นวันที่สามติดต่อกัน ใกล้ระดับ 82.20 ในวันอังคาร
- การคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ชะลอออกไปและถ้อยแถลงเชิง hawkish กดดันราคาน้ำมัน
- การเจรจาหยุดยิงที่ประสบความสำเร็จอาจช่วยลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มค่า risk premium ในราคา WTI ได้
น้ำมันดิบ Western Texas Intermediate (WTI) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ วิ่งซื้อขายที่ระดับ 82.20 ดอลลาร์ในวันอังคาร ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในขณะที่มีการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสในกรุงไคโร ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างออกไปในตะวันออกกลาง
ข้อเสนอให้หยุดยิงล่าสุดดูเหมือนจะรวมถึงการประนีประนอมครั้งใหญ่จากอิสราเอล ซึ่งอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อชะตากรรมของเชลยศึกทั้งหลาย และเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกเกี่ยวกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่สงครามอิสราเอลก่อให้เกิดในฉนวนกาซา ตามรายงานของสื่อเดอะการ์เดียน การเจรจาหยุดยิงที่ประสบความสำเร็จอาจช่วยลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มค่า risk premium ในราคาน้ำมันได้
นอกจากนี้ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ล่าสุดและท่าทีที่แข็งกร้าว (hawkish) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ทำให้โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่สุดท้ายจะต้องเกิดขึ้นกลับลดลงน้อยลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ โดยธนาคารกลางสหรัฐคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25%–5.50% ในระดับปัจจุบันในวันพุธ ในงานแถลงข่าวของประธานเจอโรม พาวเวลล์จะเป็นเหตุการณ์ที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดยืนของเฟดเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยได้ การบรรยายเรื่องอัตราดอกเบี้ย 'สูงขึ้นนานขึ้น' อาจหนุนระดับดอลลาร์สหรัฐ (USD) และสร้างแรงกดดันในการขายน้ำมันในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐออกไป
ต่อมาในวันอังคารนี้ จะมีการประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก Caixin ของจีน, ข้อมูล PMI NBS, ข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซน และตัวเลขการเติบโตของ GDP นอกจากนี้รายงาน API รายสัปดาห์น้ำมันดิบสต็อกสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดในวันที่ 26 เมษายนจะถูกปล่อยออกมา
บทความที่เกี่ยวข้อง
