WTI ปรับตัวขึ้นไปใกล้ $83.10 จากข้อจํากัดด้านอุปทานที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการลดการผลิตของ OPEC+
- ราคาน้ำมัน WTI ขยายการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เมื่อมีความเป็นไปได้ที่ OPEC+ จะคงนโยบายการผลิต
- กองกำลังโดรนของยูเครนทําให้กําลังการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียลดลงเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- ความต้องการน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายตัวล่าสุดในกิจกรรมภาคการผลิตของจีน
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ในทิศทางตลาดขาขึ้นเป็นเซสชั่นที่สามติดต่อกัน โดยสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวซื้อขายที่ประมาณ 83.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเซสชั่นการซื้อขายในเอเชียในวันจันทร์ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากข้อจํากัดด้านอุปทานที่คาดการณ์ไว้ซึ่งเกิดจากการลดการผลิตโดยองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (OPEC+)
นักลงทุนต่างรอคอยการประชุมระดับรัฐมนตรีร่วมของ OPEC+ ที่กําหนดไว้ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าในระหว่างการประชุม OPEC+ จะประเมินปัจจัยพื้นฐานของตลาดและความยึดมั่นของสมาชิกต่อเป้าหมายการผลิต โดยมีความคาดหวังอย่างกว้างขวางมากขึ้นสําหรับการรักษานโยบายการผลิตในปัจจุบัน
นอกจากนี้ Alexander Novak รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียเน้นย้ำเมื่อวันศุกร์ว่าบริษัทที่ผลิตน้ำมันควรให้ความสําคัญมากขึ้น ในการลดผลผลิตมากกว่าการส่งออกในไตรมาสที่สองเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการผลิตของ OPEC+ และเขายังระบุด้วยว่ารัสเซียไม่จําเป็นต้องสั่งห้ามส่งออกน้ำมันดีเซลเพื่อจัดการกับราคาที่เพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนเชื้อเพลิงที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการโจมตีด้วยโดรนที่ขัดขวางกําลังการกลั่นเพิ่ม
การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนทําให้โรงกลั่นของรัสเซียหลายแห่งหยุดการผลิตไป โดยการโจมตีเหล่านี้ทําให้กําลังการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันไม่ทํางาน
ข้อมูลอย่างเป็นทางการเปิดเผยว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือนในเดือนมีนาคม ซึ่งช่วยเสริมแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันดิบในประเทศผู้นําเข้าน้ำมันดิบชั้นนําของโลก นักวิเคราะห์จากโกลด์แมนแซกส์ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในยุโรปตอนนี้สูงเกินความคาดหมาย โดยเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 200,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2567
บทความที่เกี่ยวข้อง
