AUD/USD ขยายการปรับตัวขาขึ้นไปเหนือ 0.6600 จับตาการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของ RBA
- AUD/USD ยังคงวิ่งแดนบวก ใกล้ระดับ 0.6610 ในช่วงต้นเซสชั่นเอเชียของวันจันทร์
- การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) อ่อนตัวกว่าที่คาดในเดือนเมษายน พร้อมกับการเติบโตของค่าจ้างที่ต่ำกว่าที่คาด
- RBA คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.35% ติดต่อกันเป็นการประชุมครั้งที่สี่ในวันอังคาร ในขณะเดียวกันก็คงท่าทีเข้มงวด (hawkish)
คู่ AUD/USD ขยับขึ้นมาที่ประมาณ 0.6610 ในช่วงเซสชั่นเอเชียของเช้าวันจันทร์ ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ตกต่ำในเดือนเมษายนได้สร้างแรงกดดันในการขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ทั่วกระดาน นักลงทุนจะรอจับตาดูการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อย่างใกล้ชิดในวันอังคารนี้
สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ตลาดการจ้างงานในสหรัฐฯ ชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเมษายน และค่าจ้างรายปีก็ลดลงมาต่ำกว่า 4.0% เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) เพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายนจากที่เพิ่มขึ้น 315,000 ตำแหน่ง (แก้ไขจาก 303,000 ตำแหน่ง) ในเดือนมีนาคม ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 243,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในเดือนเมษายนจากที่ 3.8% ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงลดลงเหลือ 3.9% YoY ในเดือนเมษายนจากตัวเลขครั้งก่อนหน้านี้ที่ 4.1%
นักลงทุนเพิ่มการเดิมพันว่า Federal Reserve (Fed) จะเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และนักลงทุนคาดว่า Fed จะปรับลดต้นทุนการกู้ยืมลงสองครั้งในปีนี้ แทนที่จะเป็นเพียงครั้งเดียวก่อนที่ข้อมูลล่าสุดนี้จะถูกเปิดเผยออกมา ดังนั้นปัจจัยนี้จึงเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และทำหน้าที่เป็นแรงหนุนสำหรับคู่สกุลเงิน AUD/USD
ในฝั่งของออสเตรเลีย RBA มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ 4.35% ในวันอังคาร เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในออสเตรเลียยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง เทรดเดอร์ในตลาดจะรอสัญญาณเพิ่มเติมจากงานแถลงข่าวของ RBA หลังการประชุมนโยบายการเงิน โดยหาก Michele Bullock ผู้ว่าการ RBA แสดงความคิดเห็นด้วยท่าทีเข้มงวด (hawkish) ก็อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Bank และ Westpac คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงสุดที่ 4.35% ในเดือนพฤศจิกายน 2566 จากนั้นจะลดลงมาอยู่ที่ 3.10% ภายในเดือนธันวาคม 2568
บทความที่เกี่ยวข้อง
