ข่าวคริปโต|ข่าวคริปโตวันนี้|สรุปข่าวคริปโตประจำวัน: Bitcoin ยังยืนหนึ่ง คนสนใจมากสุด ด้าน Web3 เปิดศึกท้าชนยักษ์ใหญ่คลาวด์ ขณะที่ Ledger อัพเกรดให้กู้คืนแบบออฟไลน์ได้

ไฮไลท์ของข่าวคริปโตวันนี้

• Bitcoin ทวงบัลลังก์! พอร์ตนักลงทุนเกิน 1 ใน 3 ต้องมี สถาบันแห่ตุน  พร้อมชี้เป้าราคาใหม่

• ของดีมีเสียว! ตั๋วเงินคลัง Tokenized สะพานเชื่อมความเสี่ยงสู่ DeFi ระเบิดเวลาลูกใหม่ที่รอวันปะทุ?

• AWS มีหนาว! Aptos จับมือ Jump Crypto เปิดตัว “Shelby” คลาวด์ Web3 ท้าชนยักษ์ใหญ่

• Ledger เปิดตัวกุญแจกู้คืนแบบใหม่ ไม่ต้องง้อคลาวด์ ไม่ต้องยืนยันตัวตน!

Bitcoin ทวงบัลลังก์! พอร์ตนักลงทุนเกิน 1 ใน 3 ต้องมี สถาบันแห่ตุน  พร้อมชี้เป้าราคาใหม่

Bitcoin กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง รายงานล่าสุดจาก Bybit ในปี 2025 ยืนยันว่า ตอนนี้นักลงทุนคริปโตเกิน 1 ใน 3 หรือราวๆ 30.95% ของพอร์ต ต้องมี Bitcoin ติดไว้ จากเดิมที่เคยมีแค่ 25.4% ในปลายปี 2024 เท่านั้น

สาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อน สหรัฐอเมริกาเริ่มเปิดไฟเขียวให้วงการคริปโตมากขึ้น แถมกองทุน Spot Bitcoin ETF ก็เป็นตัวจุดระเบิดให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่กระโดดเข้ามาในเกมส์นี้กันแบบไม่ยั้ง

ในขณะที่ Bitcoin กำลังเฉิดฉาย น้องรองอย่าง Ether (ETH) ถึงกับเหงา เพราะอัตราส่วนการถือครอง ETH ต่อ BTC ดิ่งลงเหว พูดง่ายๆ คือ ในทุกๆ 4 ดอลลาร์ที่คนลงใน Bitcoin จะมีคนลงใน Ether แค่ดอลลาร์เดียวเท่านั้นเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ยุคประธานาธิบดี Donald Trump เป็นต้นมา Bitcoin ก็โชว์ฟอร์มโหดแซงหน้าทุกสินทรัพย์ในโลก ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, พันธบัตร หรือทองคำ ทำให้ตอนนี้บริษัทมหาชนกว่า 244 แห่งทั่วโลก แห่กันเข้ามาตุน Bitcoin ในคลังของตัวเองเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ด้วยแรงซื้อระดับนี้ Joe Burnett จาก Unchained ถึงกับฟันธงว่า Bitcoin มีสิทธิ์พุ่งไปแตะ $1.8 ล้าน หรือประมาณ 66 ล้านบาท ภายในปี 2035!

 ที่มา: Bybit Research

บทวิเคราะห์: การไหลเข้าของเงินทุนสถาบันไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือการเปลี่ยนสถานะของ Bitcoin จาก “สินทรัพย์ทางเลือก” สู่ “สินทรัพย์หลัก” เต็มตัว แรงซื้อจากสถาบันคือเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้เป้าหมายราคาที่เคยดูเหมือนฝัน กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้และมีโอกาสเป็นไปได้จริงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ของดีมีเสียว! ตั๋วเงินคลัง Tokenized สะพานเชื่อมความเสี่ยงสู่ DeFi ระเบิดเวลาลูกใหม่ที่รอวันปะทุ?

ตอนนี้วงการกำลังฮิตการแปลง “ตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ” สินทรัพย์สุดปลอดภัยให้กลายเป็น Token บนบล็อกเชน (Tokenized US Treasurys) เพื่อเอามาใช้เป็นหลักประกันในการเทรดแบบมี Leverage ในโลก DeFi แต่จุดเสี่ยงมันอยู่ตรงนี้ เพราะการกระทำดังกล่าวเปรียบเสมือนการสร้างสะพานเชื่อมตรงระหว่างความผันผวนของโลกคริปโตเข้ากับความมั่นคงของตลาดการเงินดั้งเดิม

Moody's และแม้กระทั่งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เองก็ออกมาเตือนแล้วว่า แม้ตั๋วเงินคลังจะเสี่ยงต่ำ แต่พอมาอยู่ในรูปแบบ Token แล้วเอาไปค้ำประกันเพื่อเล่นใหญ่ มันคือระเบิดเวลาดีๆ

ลองนึกภาพตาม ถ้าตลาดคริปโตร่วงหนัก มูลค่าหลักประกันที่เป็น Tokenized Treasurys ก็จะลดลงฮวบฮาบจนเกิดการบังคับล้างพอร์ต (Liquidation) ซึ่งอาจลุกลามเป็นไฟไหม้ทุ่งจาก DeFi สู่ตลาดการเงินจริงได้ในพริบตา

ที่มา: RWA.XYZ

บทวิเคราะห์: นี่คือดาบสองคมที่แท้ทรู ด้านหนึ่งมันช่วยเพิ่มสภาพคล่องและนำผลตอบแทนที่มั่นคงจากโลกเก่ามาสู่ DeFi แต่อีกด้านหนึ่งมันก็สร้างช่องทางความเสี่ยงที่ไม่เคยมีมาก่อน

AWS มีหนาว! Aptos จับมือ Jump Crypto เปิดตัว “Shelby” คลาวด์ Web3 ท้าชนยักษ์ใหญ่

Aptos Labs จับมือกับ Jump Crypto บริษัทการลงทุน เปิดตัว “Shelby” แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับ Web3 โดยเฉพาะ ประกาศท้าชนเจ้าตลาดอย่าง Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure และ Google Cloud กันไปเลย

Shelby ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีของ Aptos ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วแรงทะลุนรก แถมยังใจกว้าง ไม่เลือกค่าย สามารถทำงานร่วมกับบล็อกเชนอื่นอย่าง Ethereum หรือ Solana ได้สบายๆ

เป้าหมายของ Shelby คือกลุ่มนักพัฒนาที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชันโหดๆ อย่างการสตรีมวิดีโอ, AI หรือ DePIN ที่ต้องการความเร็วระดับเดียวกับคลาวด์ของยักษ์ใหญ่ แต่เหนือกว่าด้วยจุดเด่นของ Web3 นั่นคือ “ความเป็นเจ้าของ”

 ที่มา: Statista

บทวิเคราะห์: แม้การจะล้มเจ้าตลาดเดิมจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสุดๆ แต่ Shelby คือการสร้างทางเลือกที่สำคัญสำหรับโปรเจกต์ที่ยึดมั่นในหลักการกระจายอำนาจและความเป็นเจ้าของข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ Web3

Ledger เปิดตัวกุญแจกู้คืนแบบใหม่ ไม่ต้องง้อคลาวด์ ไม่ต้องยืนยันตัวตน!

Ledger ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์วอลเล็ตชื่อดัง ปล่อยของเด็ดตัวใหม่ออกมาแล้วในชื่อ “Ledger Recovery Key” มันคือ Smart Card ที่ใช้เทคโนโลยี NFC สำหรับเก็บ Private Key ของคุณแบบออฟไลน์ 100% แก้ปัญหาคาใจของผู้ใช้จากผลิตภัณฑ์ตัวก่อนอย่าง Ledger Recover ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์และต้องมีการยืนยันตัวตนให้วุ่นวาย

เจ้า Ledger Recovery Key ตัวใหม่นี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะมันไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัวหรือบัตรประชาชนใดๆ ทั้งสิ้น เวลาจะกู้คืนกระเป๋าตังค์ก็แค่เอาการ์ดมาแตะกับ Ledger Flex หรือ Ledger Stax ของคุณ แล้วกรอก PIN ส่วนตัว จบ! ง่ายๆ แค่นั้นเลย

 ที่มา: Ledger

บทวิเคราะห์: หลังจากที่ผลิตภัณฑ์กู้คืนบนคลาวด์ตัวก่อนถูกวิจารณ์อย่างหนัก การออกผลิตภัณฑ์ใหมที่เน้นความเป็นออฟไลน์, ความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องยืนยันตัวตน คือการเดินเกมที่ชาญฉลาด เพื่อตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ในฐานะผู้นำด้านความปลอดภัยที่ให้อำนาจสูงสุดอยู่ในมือผู้ใช้นั่นเอง

ดัชนี Fear and Greed Index: 66

Source: https://alternative.me/crypto/