การประชุม BOJ เผย: ความเข้มงวดของการเงินญี่ปุ่นนั้นจะแตกต่างจากของสหรัฐฯ และ EU

แหล่งที่มา Fxstreet
02 พ.ค. 2567 07:02 น.

สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ได้แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มทิศทางของนโยบายทางการเงินในวันพฤหัสบดี ตามรายงานการประชุมเดือนมีนาคมของ BoJ ดังนี้

ข้อความอ้างอิงสําคัญ

"สมาชิกคนหนึ่งกล่าวว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไปเป็นประมาณ 0.1% น่าจะมีจํากัด"

"สมาชิกหลายคนมีมุมมองเหมือนกันว่า อัตราดอกเบี้ยในระยะยาวควรถูกกําหนดโดยตลาด"

"สมาชิกบางคนกล่าวว่า BOJ ควรลดจํานวนการซื้อพันธบัตร รวมถึงลดการถือครองพันธบัตรลงในอนาคต"

"สมาชิกบางคนกล่าวว่าการดำเนินการเพื่อเข้มงวดทางการเงินของ BOJ ในเดือนมีนาคมนั้นแตกต่างจากการคุมเข้มทางการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรป"

"สมาชิกคนหนึ่งกล่าวว่า BOJ ควรเดินหน้าอย่างช้า ๆ แต่มั่นคงในการปรับนโยบายให้เป็นปกติ โดยจับตาดูพัฒนาการทางเศรษฐกิจและราคา"

"สมาชิกบางคนกล่าวว่า แม้จะไม่ใช่ความเสี่ยงมากนักในตอนนี้ แต่ก็มีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะพุ่งสูงขึ้น"

"เราคาดว่า BoJ จะยังคงมุ่งเป้าหมายไปที่การบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน"

"รายงานค่าจ้าง Qhile, capex แสดงการเคลื่อนไหวในเชิงบวก, ภาคการบริโภคขาดความแข็งแกร่ง และความเสี่ยงในต่างประเทศยังมีอยู่"

"รัฐบาลมีมุมมองแบบเดียวกับ BoJ ว่าวัฏจักรค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อที่เป็นบวกกําลังเกิดขึ้น"

"BoJ ต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจต่อไปบนจุดยืนการจัดการทางการเงิน เพื่อให้บรรลุการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน"

ปฏิกิริยาของตลาด

 หลังจากรายงานการประชุมของ BoJ ฉบับนี้ คู่เงิน USD/JPY ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.81% ในวันนี้ ไปที่ระดับ 155.85


FAQs เกี่ยวกับธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น

ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นคืออะไร?

 

ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) คือธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดนโยบายทางการเงินภายในประเทศ หน้าที่ของธนาคารกลางคือการออกธนบัตรและดำเนินการต่าง ๆ เพื่อควบคุมมูลค่าของสกุลเงินและการเงินต่าง ๆ  เพื่อให้มั่นใจได้ถึงเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งหมายถึงเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ประมาณ 2%

 

ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นมีนโยบายอย่างไร?

 

ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษมาตั้งแต่ปี 2556 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ นโยบายของธนาคารกลางอยู่บนพื้นฐานของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ (QQE) หรือการพิมพ์ธนบัตรเพื่อซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรองค์กรเพื่อสร้างสภาพคล่อง ในปี 2559 ธนาคารกลางได้เพิ่มกลยุทธ์ดังกล่าวนี้เป็นสองเท่า และผ่อนคลายทางนโยบายอื่น ๆ เพิ่มเติมและเริ่มใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบก่อน จากนั้นจึงเริ่มควบคุมเส้นโค้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีโดยตรง

 

การตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นมีอิทธิพลต่อเงินเยนของญี่ปุ่นอย่างไร

 

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของธนาคารกลางทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ  กระบวนการนี้แข็งแรงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากความแตกต่างทางนโยบายที่เพิ่มขึ้นระหว่างธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นและธนาคารกลางหลักอื่น ๆ ซึ่งเลือกที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเพื่อต่อสู้กับระดับของเงินเฟ้อที่สูงมาหลายทศวรรษ แต่นโยบายของ BoJ ในการคงอัตราดอกเบี้ยได้ทำให้เกิดส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นกับของสกุลเงินอื่น ๆ  ซึ่งทำให้ค่าเงินเยนอ่อนลง

 

นโยบายผ่อนคลายทางการเงินพิเศษของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้หรือไม่?

 

เงินเยนที่อ่อนค่าลงและราคาพลังงานทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้เกินเป้าหมาย 2% ของ BoJ แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางได้ตัดสินว่า ยังไม่บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืนและมั่นคง ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายปัจจุบันอย่างกะทันหันจึงดูไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ในอนาคต
placeholder
รายงานดุลการค้าจีน: การนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในเดือนเมษายนดุลการค้าของจีนในเดือนเมษายนในรูปของเงินหยวนจีน อยู่ที่ 513,450 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 415,860 ล้านหยวนการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.5% YoY ในเดือนเมษายน เทียบกับที่ -7.5% ใน เดือนมีนาคม  การนําเข้าของประเทศเพิ่มขึ้น 8.4% YoY ในช่วงเวลาเดียวกัน เทียบกับที่ -1.9% ที่บันทึกไว้ได้ก่อนหน้านี้ในรูปของดอลลาร์สหรัฐ การเกินดุลการค้าของจีนขยายตัวในเดือนเมษายนดุลการค้าอยู่ที่ +72.35B เทียบกับที่คาดไว้ที่ +76.7B และ +58.55B ก่อนหน้านี้การส่งออก (YoY): +1.5% เทียบกับที่คาดไว้ที
แหล่งที่มา  Fxstreet
ดุลการค้าของจีนในเดือนเมษายนในรูปของเงินหยวนจีน อยู่ที่ 513,450 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากตัวเลขก่อนหน้านี้ที่ 415,860 ล้านหยวนการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.5% YoY ในเดือนเมษายน เทียบกับที่ -7.5% ใน เดือนมีนาคม  การนําเข้าของประเทศเพิ่มขึ้น 8.4% YoY ในช่วงเวลาเดียวกัน เทียบกับที่ -1.9% ที่บันทึกไว้ได้ก่อนหน้านี้ในรูปของดอลลาร์สหรัฐ การเกินดุลการค้าของจีนขยายตัวในเดือนเมษายนดุลการค้าอยู่ที่ +72.35B เทียบกับที่คาดไว้ที่ +76.7B และ +58.55B ก่อนหน้านี้การส่งออก (YoY): +1.5% เทียบกับที่คาดไว้ที
placeholder
“เฟดมีเครื่องมือที่จะจัดการกับแรงกดดันในตลาดการเงินที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด” - สมาชิกเฟดนิวยอร์กโรแบร์โต แปร์ลี (Roberto Perli) ผู้จัดการบัญชีของเฟดที่ถือครองเงินสดและตราสารหนี้สำหรับใช้ในการดำเนินนโยบายการเงิน (System Open Market Account (SOMA)) ของธนาคารกลางสหรัฐนิวยอร์ก (Fed) กล่าวสุนทรพจน์ที่เตรียมไว้เมื่อวันพุธว่าการประกาศของเฟดล่าสุดที่จะชะลอการซื้อสินทรัพย์เข้าบัญชีงบดุลควรลดโอกาสในการเกิดความเครียดในตลาด
แหล่งที่มา  Fxstreet
โรแบร์โต แปร์ลี (Roberto Perli) ผู้จัดการบัญชีของเฟดที่ถือครองเงินสดและตราสารหนี้สำหรับใช้ในการดำเนินนโยบายการเงิน (System Open Market Account (SOMA)) ของธนาคารกลางสหรัฐนิวยอร์ก (Fed) กล่าวสุนทรพจน์ที่เตรียมไว้เมื่อวันพุธว่าการประกาศของเฟดล่าสุดที่จะชะลอการซื้อสินทรัพย์เข้าบัญชีงบดุลควรลดโอกาสในการเกิดความเครียดในตลาด
placeholder
คุณ Lane สมาชิก ECB เผย “ความมั่นใจกำลังเพิ่มขึ้นในความสามารถการนำอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำลง”หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Philip Lane ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนล่าสุดทําให้เขามั่นใจมากขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนกําลังกลับสู่เป้าหมายของ ECB ที่ 2% ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิถุนายนได้ ตามรายงานของ Bloomberg 
แหล่งที่มา  Fxstreet
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Philip Lane ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนล่าสุดทําให้เขามั่นใจมากขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนกําลังกลับสู่เป้าหมายของ ECB ที่ 2% ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิถุนายนได้ ตามรายงานของ Bloomberg 
goTop
quote