USD/CAD ร่วงลงไปที่ระดับ 1.3700 ท่ามกลางราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง และบรรยากาศ risk-on
- USD/CAD ปรับฐานต่ำลง เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต้องดิ้นรนทรงตัวหลังจากประธานเฟดพาวเวลล์ไม่พูดถึงการคาดการณ์ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
- ความเชื่อมั่นของตลาดที่ดีขึ้นหนุนสกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยง อย่างเช่น ดอลลาร์แคนาดา
- ราคา WTI ที่ปรับตัวสูงขึ้น หนุนสกุลเงิน CAD เนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุด
USD/CAD ขยายการปรับตัวขาลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยอยู่ที่ประมาณ 1.3710 ในช่วงเซสชั่นยุโรปในวันพฤหัสบดี ซึ่งความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตอนนี้หนุนสกุลเงินที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างเช่น ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ส่งผลให้คู่เงิน USD/CAD ถูกกดดันอย่างหนัก
เมื่อวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25%-5.50% ในการประชุมประจำเดือนพฤษภาคมตามที่คาดการณ์ไว้ทั่วกัน นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เผชิญกับแรงกดดันทันทีหลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์ เลิกพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระหว่างการประชุมคณะกรรมการตลาดกลางสหรัฐ (FOMC) ตามรายงานของรอยเตอร์
ประธานเฟดพาวเวลล์เน้นย้ำว่าความคืบหน้าเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อได้หยุดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะต้องใช้เวลามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เพื่อให้มีความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ 2% ได้ ประธานพาวเวลล์แนะนำว่า หากการจ้างงานที่แข็งแกร่งยังคงดำเนินต่อไปและอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลง ก็อาจทำให้จังหวะเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าช้าออกไปอีก
ในฝั่งของแคนาดา ตามรายงานของ Reuters เมื่อวันพุธ Tiff Macklem ผู้ว่าการธนาคารแห่งแคนาดา (BoC) กล่าวว่าทาง BoC กำลังมาถึงจุดที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดในรอบ 23 ปีในปัจจุบันแล้ว โดยในการให้สัมภาษณ์กับคณะกรรมการการธนาคารของวุฒิสภา คุณแม็กเลมกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง และชาวแคนาดาต่างสนใจอยากรู้ว่าธนาคารกลางจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นยังหนุนค่าเงินดอลลาร์แคนนาดาเนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐอเมริกา (US) ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยมาใกล้ระดับ 79.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเวลาที่รายงานนี้ ซึ่งราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นจากความคาดหวังว่า ระดับราคาที่ต่ำลงจะสามารถกระตุ้นให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก เริ่มเติมน้ำมันดิบสำรองเชิงกลยุทธ์
บทความที่เกี่ยวข้อง
