การคาดการณ์ราคาเงิน: XAG/USD ลดลงแต่ยังคงอยู่เหนือ $33.00
- XAG/USD ลดลง 0.70% หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบสองวัน; แรงกระตุ้นขาขึ้นยังคงอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 50 วัน
- ราคาโลหะเงินพบแนวรับที่ $32.77 ขณะที่ RSI แสดงให้เห็นว่าฝั่งกระทิงยังคงควบคุมตลาด
- แนวต้านสำคัญที่ $33.69 ต้องถูกทำลายเพื่อเป้าหมายที่ $34.58 และ $35.00
- การปิดต่ำกว่าระดับ $32.90 อาจเปิดทางไปยังเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 100 วันและ 200 วัน
ราคาโลหะเงินลดลงประมาณ 0.70% ในวันอังคาร แต่ได้ตัดการขาดทุนบางส่วนที่ทำให้โลหะสีเทาต่ำกว่า $33.00 จนแตะระดับต่ำสุดในรอบสองวันที่ $32.77 ขณะเขียนบทความนี้ XAG/USD ซื้อขายที่ $33.29 ยังคงลดลงในวัน
การคาดการณ์ราคา XAG/USD: แนวโน้มทางเทคนิค
ราคาโลหะเงินรวมตัวกันเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยถูกจำกัดด้านบนโดยแนวต้านที่ $33.69 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม และด้านล่างโดยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 50 วันที่ $32.73
แรงกระตุ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้ออยู่ในตำแหน่งที่ควบคุมตามที่แสดงโดยดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) แต่พวกเขาต้องทำลาย $33.69 เพื่อเปิดทางไปท้าทาย $34 หากมีแรงสนับสนุนเพิ่มเติม ระดับแนวต้านถัดไปของ XAG/USD จะเป็นจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ $34.58 ตามด้วย $35.00
ในกรณีที่เป็นขาลง XAG/USD ต้องปิดต่ำกว่าระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ $32.90 ในกรณีนั้นการทดสอบถัดไปจะเป็นเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่อย่างง่าย (SMA) 50 วันที่ $32.73 การทำลายอย่างเด็ดขาดจะเปิดเผยเส้น SMA 100 วันที่ $32.11 ตามด้วยเส้น SMA 200 วันที่ $31.40
กราฟราคา XAG/USD – รายวัน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
